(Last Updated On: 01/11/2021)

จั่วหัวมาซะน่ากลัว แต่จะว่าไปแล้วตอนนี้มนุษย์เรามีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างมากหากเทียบจากเมื่อก่อน แค่ลองดูเวลาที่ต้องติดอยู่บนท้องถนนวันละมากกว่า 1 ชั่วโมง สูดรับอากาศเสียแถมด้วย PM2.5 ให้ปอดระคายเคืองเป็นว่าเล่น รู้แบบนี้แล้วลองมาหาวิธีที่เวิร์ค ๆ เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพ

สำหรับมนุษย์ทำงานอย่างพวกเราให้ปลอดภัยจากวายร้ายต่าง ๆ ที่มาเยือนโดยไม่คาดคิด

เมื่อมนุษย์ไม่ได้ถูกดีไซน์ให้นั่งทำงานวันละหลาย ๆ ชั่วโมง

เคยได้ยินไหมว่า “Sitting is new smoking” หมายถึงว่า การนั่งนาน ๆ มีผลร้ายพอ ๆ กับที่เราจุดบุหรี่สูบนั่นแหล่ะ มีงานศึกษาและวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งบอกว่าร่างกายของคนเราไม่ควรจะนั่งทำงานติดกันนาน ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ผลกระทบน่ะเหรอมีหลายอย่างเลย เช่นจะสังเกตเห็นว่าหากเรานั่งทำงานติดต่อกันนาน ๆ หลายชั่วโมง โดยเฉพาะคนที่ใช้คอมพิวเตอร์จะเริ่มรู้สึกปวดหลัง ปวดคอ รวมถึงข้อมือ บางคนเป็นหนัก ๆ จะมีอาการปวดร้าวลงขา รวมถึงส่งผลเสียต่อสายตาอย่างมาก เพราะทั้งแสงจากจอคอมพิวเตอร์และองศาการนั่งที่ไม่ถูกหลักมักทำให้เราใช้สายตามากเกินไป

ตาเราจะเริ่มแห้ง พร่า และล้า บางรายอาจจะส่งผลทำให้ปวดหัวอย่างหนักเลยก็เป็นไปได้

วิธีแก้

วิธีง่าย ๆ เลยลองตั้งนาฬิกาในมือถือ หรือดาวน์โหลดแอพที่เอาไว้ช่วยในเรื่องการจัดการเวลา โดยเราอาจจะลองใช้เทคนิค Pomodoro ทุก 25 นาทีจะมีการเบรกให้เป็นช่วงเวลาเล็ก ๆ ประมาณ 5 นาทีพอทำจนครบ 4 รอบ ก็จะมีเบรกใหญ่ ๆ ประมาณ 15 นาทีให้เราได้ผ่อนคลาย ในช่วงเบรกนั้น แนะนำเลยว่าให้ลุกเดินจากโต๊ะทำงานบ้าง ไปเข้าห้องน้ำ เดินไปมองดูต้นไม้ใบหญ้าเพื่อผ่อนคลายสายตา แล้วค่อยกลับมาลุยงานกันต่อ

ความเครียดและความกดดันส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ

มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก Inc.com ว่าความเครียดและความกดดันจากที่ทำงานส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพหลายแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจอย่างเรื่องของความเครียดในการทำงาน ส่งผลทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ลดสมรรถภาพทางเพศ ความวิตกกังวล

โดยในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุของความเครียดเหล่านี้ราว ๆ 120,000 คน เฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยถ้าวัดกันตามจริงแล้ว ไอ้ความร้ายแรงของภัยเงียบจากการทำงานสามารถคร่าชีวิตคนได้มากกว่าโรคร้ายอย่างโรคเบาหวานซะอีก ความเครียดแบบนี้ นอกจากจะส่งผลต่อการทำงาน หลาย ๆ คนอาจถึงขั้นนอนไม่หลับ มีอาการเครียดจนร่างกายเกิดการประท้วง เช่น ปวดท้องหรือเริ่มมีกลิ่นปาก หลาย ๆ คนเริ่มอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากปรึกษาใคร แบบนั้นจะยิ่งส่งผลแย่เข้าไปใหญ่

นอกจากนี้แค่คุณเครียดจากที่ทำงานยังไม่พอ บางคนกลับไปบ้านยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวกับที่บ้าน ดุลูก ๆ สามีหรือภรรยา บางคนก็ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้ ตามปกติผลเสียเหล่านี่ส่งผลกระทบไปถึงระดับสถาบันครอบครัว และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยจะพากันฉุดให้สถานการณ์แย่ลงจนถึงเข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว

วิธีแก้

ลองเริ่มต้นใช้เทคนิค Pomodoro แบบข้างบน แล้วใช้เวลาว่าง 5 นาทีในช่วงเบรกลองทำสมาธินั่งดูลมหายใจเข้าออก ฝึกสติของตัวเองดู การหายใจให้ลึกและยาวขึ้น เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้สมองของคุณแล่นและมีแรงทำงานต่อไป

แต่หากใครไม่ถนัดเทคนิคแบบนี้อาจจะลองหากิจกรรมสนุก ๆ หลังเลิกงานทำดู เช่น การออกกำลังกาย ไปคาราโอเกะกับเพื่อน ๆ ดูหนังฟังเพลง แต่หากความเครียดของคุณถึงขั้นวิกฤตจนถึงขนาดนอนไม่หลับ หรือมีอาการแปลก ๆ คุมตัวเองไม่ค่อยได้ แนะนำให้ลองไปหาจิตแพทย์ดู เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลรัฐหลาย ๆ แห่งมีบริการปรึกษาสุขภาพจิตกับคุณหมอนอกเวลาทำการหรือคลินิกพิเศษ ราคาไม่แพงซึ่งเหมาะกับเพื่อน ๆ ชาวออฟฟิศที่ทำงานเลิกเย็น ๆ เป็นอย่างมาก

เมื่อเวลาน้อย คุณภาพอาหารที่กินก็น้อยลงตาม

เคยเป็นไหม ยุ่งจนไม่มีเวลาทานข้าวเช้าข้าวเที่ยง หรือบางคนกว่าจะได้ทานข้าวทีก็เกือบเย็น และสังเกตไหมยิ่งเรารีบมากเท่าไหร่ คุณภาพอาหารที่เราเลือกทานก็แย่ลงเท่านั้น ลองสังเกตตัวเองดู ว่าหลาย ๆมื้อ เราอาจจะเลือกแค่กาแฟแก้วเดียว หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเล็ก ๆ หรือบางทีก็แซมด้วยน้ำหวานอัดลม นั่งทำงานไปและทานไปด้วย เมื่ออาหารคือแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมที่ปกติแล้วเราควรจะรับแต่สารอาหารที่มีประโยชน์ และทานให้ครบ 5 หมู่

แต่อาหารที่เราทานกันในวันเร่งรีบทุกวันนี้จะมีแต่อาหารจำพวกแป้ง ของทอด แถมใส่โซเดียมและผงชูรสอีกเยอะแยะ ลองคิดกันเล่น ๆ ดูหากเรากินติดต่อกันแบบนี้ไปนาน ๆ ร่างกายของเราจะเอาสารอาหารที่ไหนมาใช้พัฒนาและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ การทานอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้อีก เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ไขมันพอกตับ โรคไต เป็นต้น

วิธีแก้

เข้าใจข้อจำกัดของมนุษย์ทำงานที่เร่งรีบ แต่จริง ๆ ก็มีทริคอยู่เล็กน้อย ทำได้ไม่ยากด้วยลองมองหาอาหารที่เรียกว่า “Brain Food” คืออาหารที่บำรุงสมองและตัวช่วยในการป้องกันโรคสมองเสื่อมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารหลายประเภทที่ราคาไม่แพงให้พลังงานและสารอาหารที่มี ประโยชน์สูง เช่น

  • น้ำเต้าหู้ใส่ธัญพืช มีทั้งธัญพืชนา ๆ ชนิด เช่น แปะก๊วยช่วยบำรุงสมองแถมช่วยระบบขับถ่ายเพราะไฟเบอร์สูง
  • โยเกิร์ตกล้วยกราโนล่า เมนูนี้ทำง่าย ๆ เลยค่ะ แค่นำโยเกิร์ตผสมกล้วยหอมหั่นชิ้นเล็ก ๆ และใส่กราโนล่าแล้วหากมีถั่วหรือธัญพืชก็เติมลงไปได้เลย มีสารอาหารที่มีประโยชน์ล้วน ๆ และมีกล้วยทำให้อยู่ท้อง
  • บัวลอยน้ำขิง สำหรับคนติดขนมอาจจะทานช่วงเย็นหรือช่วงหลังทานอาหารเที่ยงก็ได้มีทั้งงาดำ และน้ำขิงที่มีประโยชน์ในด้านการบำรุงสมอง ลดอาการเหนื่อยล้า และช่วยเรื่องคลอเรสเตอรอล

จากสิ่งต่าง ๆ ที่นำเสนอมาทั้งหมดจะเห็นว่าวิธีการทั้งหมดที่แนะนำมาสามารถทำได้ง่าย ๆ ในทุก ๆ วันทำงานเลย เป็นเรื่องของการจัดการเวลาของแต่ละคนมากกว่า หากใครสามารถทำได้ เพียงไม่เกินสัปดาห์ก็จะเห็นผลที่แตกต่าง ชีวิตจะดีขึ้น สุขภาพจะดีขึ้น มีความสุขทั้งกับตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญคือ งานที่เราทำอยุ่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเราก็สามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ เพราะเรามีสภาพจิตใจและร่างกายที่แข็งแรงพร้อมลุยอยู่ทุกเมื่อ